6 วิธีทำเงิน จากการซื้อขายบ้านและที่ดิน

สำหรับคนที่สนใจและศึกษาการลงทุนในบ้านและที่ดินมาบ้างแล้ว อาจกำลังตัดสินใจหรือคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หากยังสับสนหรือยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นธุรกิจอย่างไรดี เรามี 6 วิธีทำเงิน จากการซื้อขายบ้านและที่ดิน มาแนะนำ

วิธีทำเงินจากการขายบ้านและที่ดิน

คนที่สนใจและศึกษาข้อดีของการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บ้างแล้ว จะพบว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เหมาะกับการลงทุนในธุรกิจบ้านและที่ดินเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นช่วงที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังฟื้นตัว สำหรับการลงทุนในบ้านและที่ดินที่นิยมทำกันมี 6 วิธี ได้แก่

1.การซื้อบ้าน ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต วิธีทำเงินก็คือนำบ้านและที่ดินมาแสวงหาผลประโยชน์และผลตอบแทนให้มากที่สุด เช่น ให่เช่า หารายได้จากการใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันต่างๆ เป็นต้น

2.ซื้อที่ดินว่างเปล่า เป็นการซื้อในลักษณะถือไว้เก็งกำไร เพื่อหวังขายทำกำไรในอนาคต

3.ซื้อที่ดินว่างเปล่า แล้วนำมาพัฒนา จัดสรร แบ่งแยก และสร้างบ้าน สร้างอาคารพาณิชย์ หรือศูนย์การค้า

4.ซื้อที่ดินมาจัดสร้างอพาร์ตเมนต์หรือบ้านให้เช่า หรืออาจซื้อเป็นที่ดินว่างเปล่าให้เช่าทำประโยชน์

5.ลงทุนทางอ้อม ผ่านการซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนร่วม ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ สำหรับการลงทุนทางอ้อมนี้ เป็นทางเลือกที่เหมาะกับคนที่คิดว่าตัวเองมีความรู้น้อยและยังขาดประสบการณ์ เปรียบเหมือนมีมืออาชีพคอยบริหารเงินลงทุนให้

6.ลงทุนทางอ้อมผ่านการซื้อหุ้นของบริษัทที่ลงทุนในบ้านและที่ดิน และการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ เป็นการลงทุนที่เหมาะกับคนที่คิดว่ามีความรู้น้อยและมีประสบการณ์ไม่มาก เช่นเดียวกับข้อ 5 เท่ากับมีมืออาชีพคอยบริหารเงินลงทุนให้กับเรา

จากประเด็นที่กล่าวมา เมื่อนำมาพิจารณาควบคู่กับสภาวการณ์ในปัจจุบันที่ตลาดบ้านอยู่อาศัยกำลังดีวันดีคืน จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ จึงเชื่อว่าคนที่คิดจะลงทุนในธุรกิจบ้านและที่ดิน จะสามารถสร้างกำไรในอนาคตได้อย่างมากมาย และสิ่งที่นักลงทุนต้องคำนึงถึงก่อนการลงทุน คือผู้ลงทุนต้องแน่ใจก่อนว่าตัวเองมีความรู้และความเข้าใจหลักการพื้นฐาน ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ดีพอ

นอกจาก 6 วิธีทำเงินจากการซื้อขายบ้านและที่ดิน ที่นักลงทุนได้เรียนรู้แล้ว ยังมีประเด็นที่ต้องตระหนักไว้เสมอก่อนการลงทุนก็คือ บ้านและที่ดินมีข้อด้อยคือมีสภาพคล่องในการซื้อขายต่ำ เวลาคิดจะขายหรือนำมาปล่อยให้เช่า อาจทำไม่ได้ทันทีเหมือนกับการซื้อขายหุ้น ดังนั้นเงินก้อนที่นำมาลงทุนจึงควรเป็นเงินเย็นไม่ใช่เงินร้อน ตรงกันข้ามหากเป็นเงินร้อนก็ควรเลือกลงทุนในธุรกิจรูปแบบอื่นแทน